คุณกำลังมองหาอะไร?

 

ติดตามผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการ

การประชุมคณะทำงานตอบโต้ภาวะฉุกเฉินและสาธารณภัยด้านการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย

ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

  

  เดือนกุมภาพันธ์  ปีงบประมาณ 2564

 

43

 

 

42

 

 

1

 

 

 

1.กรมอนามัยดำเนินการยกระดับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคสำหรับพื้นที่ตลาด

1.1 ปรับเกณฑ์ประเมินตนเองสำหรับตลาดในระบบ Thai Stop COVID เพิ่มเรื่องระบบระบายอากาศให้สอดคล้องกับสถานการณ์

1.2 การประเมินความเสี่ยง“ตลาด” รองรับการระบาดของโรค COVID ระลอก 2 ให้จัดเตรียมความพร้อมในส่วนของเครื่องมือวิทยาศาสตร์เพื่อการตรวจวัดการระบายอากาศ

 - การประชุม OC กรมอนามัย (24 กุมภาพันธ์ 2564) เรื่องผลการดำเนินงานและความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ตลาดสุชาติ และตลาดพรพัฒน์ จังหวัดปทุมธานี

 - การประชุม BMW กระทรวงสาธารณสุข (25 กุมภาพันธ์ 2564) เรื่องมาตรการและแนวทางการประเมินความเสี่ยงสำหรับตลาด

 - การประชุม ศบค. (1 มีนาคม 2564) เรื่องมาตรการและแนวทางการประเมินความเสี่ยงสำหรับตลาด เพื่อการขับเคลื่อนภาพประเทศ

 - การประชุม PHEOC กระทรวงสาธารณสุข (3 มีนาคม 2564) ภาพรวมและสรุปผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ตลาดทั้งหมด

สำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ

   
1.3 พิจารณาแนวทางการประเมินความเสี่ยงของตลาดประเด็นการใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์เช่น เครื่องวัดการระบายอากาศ เครื่องวัดออกซิเจน เครื่องวัดทิศทางลม

SRT

และสำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม
   

2.ประเด็นอนามัยโพล ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเครื่องมือตรวจวัดเชิงรุก และกำหนดเป็นตัวชี้วัดกระทรวงสาธารณสุข

 2.1 รายงานผลการสำรวจอนามัยโพลในประเด็นจำนวนผู้ตอบและพฤติกรรมการใส่หน้ากากของประชาชนภาพประเทศ พร้อมทั้งให้ปรับมิติในการวิเคราะห์ข้อมูล  กำหนดให้เสนอรายงานผลที่ประชุม BMW กระทรวงสาธารณสุข (25 กุมภาพันธ์ 2564)

 2.2 ออกแบบการสำรวจอนามัยโพลในพื้นที่เฉพาะ (Sentinel site) เพื่อการตรวจจับประเด็นน่าสนใจในพื้นที่ และพิจารณาเพิ่มเป้าหมายจำนวนการตอบแบบสำรวจที่ชัดเจน

กองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ

(คณะทำงานอนามัยโพล)

 

Right icon

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

3. รายงานแผน ผล และความก้าวหน้าการดำเนินงานเรื่องวัคซีนสำหรับเจ้าหน้าที่กรมอนามัยทั้งส่วนกลางและภูมิภาค โดยให้มีการแยกกลุ่มเจ้าหน้าที่เป็น 3 กลุ่มตามความเร่งด่วนและจำเป็นในการได้รับวัคซีน 

1. เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงสูงสุด

2. เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการจากส่วนกลางที่ลงพื้นที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยง

3. เจ้าหน้าที่สนับสนุนภายในหน่วยงาน กำหนดให้รายงานแผน ผล และความก้าวหน้าการดำเนินงานในที่ประชุม OC กรมอนามัย (สัปดาห์ถัดไป)

นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์

(รองอธิบดีกรมอนามัย)

และกองการเจ้าหน้าที่
 

 

1. จัดทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ให้มีการสำรวจโครงสร้าง การระบายอากาศ และสุขลักษณะของตลาดทุกแห่ง สำนักสุขาภิบาลอาหารฯ และสำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม    
2. รายงานความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานพื้นที่ตลาด ในที่ประชุม PHEOC  สำนักสุขาภิบาลอาหารฯ    
3. รายงานแผน ผล และความก้าวหน้าการดำเนินงานเรื่องวัคซีนสำหรับเจ้าหน้าที่กรมอนามัยทั้งส่วนกลางและภูมิภาค

Finance and Administration
(กองการเจ้าหน้าที่)

   
4. จัดทำมาตรการและแนวทางปฏิบัติงานส่วนหน้าในสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิค และให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

STAG และ Operation

  มีหนังสือแจ้งเวียนทุกหน่วยงาน
5. รายงานผลการสำรวจพฤติกรรมการใส่หน้ากากของประชาชนแยกเป็นระดับเขตและจังหวัดในที่ประชุม OC กรมอนามัย และในการประชุม BMW เป็นระยะ

คณะทำงานอนามัยโพล
และ RRHL

   
6. รายงานความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานภายใต้โครงการ/กิจกรรมที่ได้รับจัดสรรงบกลางฯ โควิด ในที่ประชุม OC กรมอนามัย

กองแผนงาน

   
1. เพิ่มคำแนะนำด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม (พื้นที่หรือจุดที่สัมผัสบ่อยๆ เช่น เครื่องสแกนนิ้ว) และเปิดเวทีแลกเปลี่ยนกับ คร. เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นปัญหาเฉพาะพื้นที่ สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม    
2. จัดประชุมหารือเพื่อออกแบบการสื่อสารความรู้ของกรมอนามัยไปสู่นักศึกษา โดยสอบถามความคิดเห็นจากนักศึกษาฝึกงาน กป. / สว. / สอน. / ศส.    
3. จัดประชุมเชิงปฏิบัติการทบทวน SOP การลงพื้นที่อย่างปลอดภัยของ เจ้าหน้าที่กรมอนามัย โดยเชิญพนักงานขับรถยนต์เข้าร่วมฝึกปฏิบัติ สำนักเลขานุการกรม ยังไม่ได้ดำเนินการ
4. ทำหนังสือแจ้ง คสจ. ทุกจังหวัด ให้รายงานสถานการณ์ของตลาดในพื้นที่

สำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ และ ศูนย์กฎหมายสาธารณสุข

   
5. ทำหนังสือถึงกรมโยธาธิการ เรื่องการปรับปรุงโครงสร้างตลาดให้ได้มาตรฐาน สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม    
1. ทบทวนกลยุทธ์การป้องกันและควบคุมโรคสำหรับพื้นที่ตลาด และเสนอให้ดำเนินกิจกรรมการล้างตลาดควบคู่ไปกับการจัดการพฤติกรรมเสี่ยงทั้งในกลุ่มผู้ค้า ผู้ซื้อ และแรงงานต่างด้าวผ่านมาตรการ DMHTT  สำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ    
2. เพิ่มประเด็นการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนต่อตลาดไม่แพร่โควิด รวมถึงสำรวจพฤติกรรมการสวมหน้ากากของผู้ค้าโดยเฉพาะแรงงานต่างด้าว  กองประเมินผลกระทบฯ    
3. พิจารณาทบทวนเกณฑ์การประเมินในระบบ TSC Plus ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เช่น โรงงานที่มีแรงงานต่างด้าว เป็นต้น

คณะทำงาน

Thai Stop COVID Plus
   
4. แนวทางการดำเนินงานเชิงรุกต่อสถานการณ์ COVID-19 กลุ่มวัยผู้สูงอายุ นอกจากมุ่งเน้นเนื้อวิชาการแล้วให้พิจารณาเรื่องการปฏิบัติการเชิงสื่อสารในมุมมองที่เร้าใจ (Dramatic) ยิ่งขึ้น พร้อมทั้งพิจารณาช่องทางการสื่อสารให้ถึงกลุ่มเป้าหมาย สำนักอนามัยผู้สูงอายุ    
5. ระบบการเก็บข้อมูลของ Save Thai เพื่อความง่ายต่อการเข้าใช้ (Friendly User) กำหนดไม่ให้มีการบันทึกข้อมูลทั่วไปและข้อมูลผลการประเมินคัดกรองทั้ง 5 ด้านของผู้เข้าใช้งาน แต่ให้มีการเก็บเฉพาะข้อมูลสรุปผลการประเมินความเสี่ยง พร้อมชื่อและรหัสของผู้ใช้งานเท่านั้น และระยะถัดให้มีการขออนุญาตเก็บข้อมูลทั้งหมดได้เพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น กองแผนงาน    
1. จากข้อเสนอแนะมอบให้ศูนย์สื่อสารสาธารณะเผยแพร่ข้อมูลให้กับประชาชนได้รับทราบ ศูนย์สื่อสารสาธารณะ    
2.จากรายงานสรุปข้อมูลผู้ติดเชื้อโควิดที่มีประวัติเชื่อมโยงกับตลาดของกรมควบคุมโรค ให้ดำเนินการทบทวนมาตรการหรือคำแนะนำเรื่องการเว้นระยะห่างหรือฉากกั้นสำหรับตลาดให้เหมาะสมและสามารถดำเนินการได้จริง สำนักสุขาภิบาลอาหารและนำ    
3. นำข้อมูลจำนวนการตอบแบบสำรวจและร้อยละการสวมหน้ากากของประชาชนรายจังหวัด เสนอในที่ประชุม PHEOC กระทรวงสาธารณสุข หรือ TWM เพื่อสื่อสารผลการสำรวจและเป็นอีกช่องทางในการกระตุ้นจังหวัดให้ความร่วมมือทำแบบสำรวจให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น กองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ    
4. จากการนำเสนอการขับเคลื่อนนโยบาย “3 สร้าง” สะอาดทั่วไทย อยู่อย่างปลอดภัย มั่นใจไร้ COVID-19 ด้วยแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID Plus กองแผนจะจัดทำหนังสือขอความร่วมมือให้หน่วยงานรับผิดชอบหลักกระตุ้นและขับเคลื่อนสถานประกอบการประเมินตนเองผ่าน Thai Stop COVID และมีมติปรับเปลี่ยนหน่วยงานรับผิดชอบ ดังนี้
  • ห้างสรรพสินค้าและสถานประกอบการภายใน มอบกองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ
  • แหล่งท่องเที่ยวภายใต้มาตรฐาน SHA มอบสำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ
  • ผับ บาร์ คาราโอเกะ มอบสำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม
และสำหรับสถานประกอบการอื่นๆ คงเดิม รวมทั้งให้ปรับแก้ชื่อ “โรงงานอุตสาหกรรม” เป็น “สถานประกอบการประเภทโรงงาน”
กองแผนงาน    
5. ปรับแบบประเมินตนเองของสถานประกอบการประเภทโรงงาน โดยกำหนดให้แยกตามขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ สำนักส่งเสริมสุขภาพ    
1. จัดทำคำแนะนำหรือแนวทางปฏิบัติสำหรับกิจการดูแลผู้สูงอายุที่เป็นแรงงานต่างด้าว และพิจารณาจัดทำเป็นมาตรการทางกฎหมาย ขับเคลื่อนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมดำเนินการต่อไป

สำนักอนามัยผู้สูงอายุศูนย์บริหารกฎหมายฯ 

 

1. ดำเนินการจัดทำมาตรการความรู้ ตาม พรบ.สาธารณสุข และกฎหมาย ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ

2.ดำเนินการจัดประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 2. ประเด็น “ดูแลผิวอย่างไร...ปลอดภัยจาก PM2.5” ให้พิจารณาเลือกประเด็นการสื่อสารและตอบโต้ความเสี่ยง (RRHL) ที่น่าสนใจ และสื่อสารให้ประชาชนเข้าถึงและเข้าใจต่อไป คณะทำงาน HL     
 3. รวบรวมผลการดำเนินงานทั้งระดับส่วนกลางและศูนย์อนามัยผ่านเว็บไชต์ระบบ EOC กรมอนามัย  Operation    
 4. ขับเคลื่อนนโยบาย “3 สร้าง มั่นใจ ด้วย Thai Stop COVID” ให้ประสานความร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทย และสภาอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานภาคีร่วมดำเนินงานและบรรจุโลโก้หน่วยงานดังกล่าวในแพลตฟอร์ม  

กองแผนงานและ คณะทำงาน TSC

   
 5. รายงานการลงพื้นที่การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สถานประกอบการประเภทโรงงาน (Good Factory Practice) ณ  บริษัท อินเด็กซ์อินเตอร์เฟิร์น จำกัด สาขามหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร  สำนักส่งเสริมสุขภาพ    
1. มอบ Operation ลงพื้นที่ดำเนินงานเรื่อง Good Factory Practice สรุปผลและแผนสนับสนุนการดำเนินงานพื้นที่โรงงาน จ.สมุทรสาคร เสนอ PHEOC 8 หรือ 10 ก.พ.64 Operation   ทีม Operation ลงพื้นที่ GFP ร่วมกับภาคีเครือข่ายและ จ.สมุทรสาคร วันที่ 8-9 ก.พ. 64
2. จัดทำคำแนะนำลดพฤติกรรมเสี่ยง "ดื่มแก้วเดียวกัน" และการจัดการด้านสุขาภิบาลอาหารและน้ำ ในสถานบันเทิง ผับ บาร์ STAG    
3. Anamai poll สรุปข้อมูลผลการสำรวจระดับจังหวัด เสนอ PHEOC หรือ BMW ต่อไป กองประเมินผลกระทบฯ   สรุปผลสำรวจระดับจังหวัดนำเสนอ OC กรมอนามัย 10 ก.พ.64
4. คทง. TSC Plus นำเสนอกรอบระยะเวลา (Timeline) ขับเคลื่อนระบบฯ ไปยัง ศบค. กองแผนงาน , คณะทำงาน TSC Plus   คทง. TSC Plus กำหนด Timeline เสนอ OC กรมอนามัย
1. สื่อสารประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการลดความเสี่ยงในการใช้บริการขนส่งสาธารณะในช่วงเทศการตรุษจีนและช่วงหยุดยาว ศูนย์สื่อสารสาธารณะ    
2. เตรียมพร้อมมาตรการหรือแผนรองรับการเคลื่อนไหวของประชาชน จากการผ่อนคลายกิจการ/กิจกรรมมากขึ้น เพิ่มความระมัดระวังเรื่องปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กที่อาจเกิดขึ้นควบคู่กัน STAG    
3. กำกับติดตามสถานประกอบการหรือกิจกรรมที่มีการผ่อนคลายผ่านระบบ Thai Stop COVID Plus โดยเตรียมความพร้อมใช้งานของระบบในการรองรับข้อมูลปริมาณมาก หารือแนวทางการขับเคลื่อนกับ ศบค. ชุดเล็ก ควบคู่ไปกับการหารือความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายผู้มีส่วนได้เสียทั้งภายในและนอกกรมอนามัย

กองแผนงาน

และคณะทำงาน TSC Plus
   
4. วิเคราะห์ผลกระทบจากการเรียนออนไลน์ทั้งด้านสุขภาพ ผลการเรียนของโรงเรียนระดับต่างๆ รวมถึงสายอาชีวะศึกษาและอุดมศึกษาและจัดทำมาตรการแนวปฏิบัติสำหรับการจัดระบบการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษาและอาชีวะศึกษาภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน

STAG

คณะทำงาน HL
   
5. ผลักดันและส่งเสริมการใช้ “แอพพลิเคชั่น Save Thai” สำหรับสถานประกอบการขนาดกลางถึงเล็กหรือสถานประกอบที่ยังไม่มีระบบคัดกรองดังกล่าว

กองแผนงาน

   
6. Campaign “Stop COVID-19 in Elderly People” ในกลุ่มผู้สูงอายุ ให้มีการจัดประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และระดมความคิดเห็นจากภาคีเครือข่ายผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นำข้อมูลมากำหนดประเด็นสื่อสารและจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อไป สำนักอนามัยผู้สูงอายุ    
1. จัดทำมาตรการสำหรับงานเลี้ยง การกินอาหารร่วมกันกับกลุ่มญาติพี่น้อง และมาตรการรวมกลุ่มทำกิจกรรมสำหรับสูงอายุ สื่อสารมาตรการให้กับประชาชน สำนักสุขาภิบาลอาหารฯ สำนักอนามัยสูงอายุ/ศูนย์สื่อสาร    
2. จัดทำยุทธการระดับ National Campaign วัยเรียนวัยรุ่น เน้นการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชน สำนักส่งเสริมสุขภาพและสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์    
3. ประสานความร่วมมือผ่านการจัดประชุมสัมนากับผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และภาคีที่เกี่ยวข้อง ออกแบบกิจกรรม National Campaign ให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ สำนักอนามัยผู้สูงอายุ    
4. Application E-passport เร่งรัดการดำเนินงานตามที่ออกแบบ เพื่อความทันเวลา และกำหนดให้ใช้ชื่อ“Save Thai” กองแผนงาน